ดัชนีความแบนของหินคือ?
ดัชนีความแบนของหิน หรือ Flakiness Index คือ ร้อยละของน้ำหนักหินที่แบนต่อน้ำหนักหินทั้งหมด
โดย ความแบนของหิน จะมีผลต่อ ความทนทานของคอนกรีต หากนำหินหรือมวลรวมที่มีลักษณะแบนจำนวนมากไปผสมคอนกรีต จะทำให้ปูนไม่ยึดเกาะกับตัวมวลรวมเท่าที่ควร จึงต้องปรับสูตรคอนกรีตเพื่อให้ได้ความคงทนตามที่ต้องการ
ดังนั้นเพื่อลดความยุ่งยากในการปรับสูตรคอนกรีตจึงต้องกำหนดค่าดัชนีความแบนที่เหมาะสมไว้ ของประเทศไทยจะกำหนดค่านี้ไว้ ไม่เกินร้อยละ 40 หรือ 40% สามารถหาค่าได้จากการทดสอบเท่านั้น
การทดสอบ Flakiness Index แบบง่าย ๆ
เริ่มจากอุปกรณ์ที่ใช้ก่อนเลย ต้องมีเครื่องชั่งน้ำหนัก ตู้อบ ตะแกรงสำหรับแยกขนาด และ เครื่องมือทดสอบความแบน (Flakiness Gauge) วิธีทดสอบแบบง่าย ๆ มีดังนี้ค่ะ
นำมวลรวมมาร่อนผ่านตะแกรงตามวิธี Sieve Analysis (อ่านต่อในบทความ ดินขนาดกี่มิล? ถึงสามารถปลูกบ้านได้แข็งแรง) อย่าลืมแยกขนาดหินที่ค้างบนตะแกรงไว้ด้วยนะคะ เพราะต้องนำมาทดสอบแยกกัน
ล้างหินในสะอาดแล้วนำไปอบที่อุณหภูมิ 110 องศาเซลเซียสจนหินแห้ง และทิ้งไว้ให้เย็นก่อนนะคะ
ชั่งน้ำหนักหินที่ค้างบนตะแกรงขนาดต่าง ๆ (M1) และเทียบกับน้ำหนักของหินทั้งหมดที่นำมาทดสอบ โดยจะบันทึกเป็นเปอร์เซ็นต์ และจะตัดหินที่มีน้ำหนักน้อยกว่าหรือเท่ากับ 5% ของน้ำหนักรวมทิ้งไปค่ะ แล้วนำที่เหลือมาชั่งเป็นน้ำหนักรวมใหม่ (M2)
วัดขนาดของหินแต่ละขนาดด้วย Flakiness Gauge โดยให้ใช้มือคัดแยกหินที่ไม่ผ่าน Flakiness Gauge ออก และนำส่วนที่ผ่านมาชั่งน้ำหนักอีกรอบ (M3)
คำนวณหาค่าดัชนีความแบน ตามสูตร เดี๋ยวแปะตัวอย่างให้ดูค่ะ ไม่ต้องตกใจไป
Flakiness Gauge หน้าตาเป็นแบบไหนนะ?
Flakiness Gauge จะมีลักษณะเป็นแผ่นเหล็กบาง ๆ และมีช่องขนาดต่าง ๆ เพื่อเป็นการคัดแยกหินขนาดต่าง ๆ ตามรูปนี่เลย
ตัวเลขที่อยู่บนแผ่น Gauge จะบอกขนาดของหินที่ผ่านตะแกรงแยกขนาด สามารถหาซื้อได้ที่เว็บไซต์ของเราเลยค่ะ มีขายเครื่องมือทดสอบมากมาย